เราผู้หญิงแรงงานและแรงงานข้ามชาติ ผู้หญิงชนเผ่าพื้นเมือง ผู้หญิงที่มีความหลากหลายทางเพศ ผู้หญิงที่อยู่ร่วมกับเชื้อ เอชไอวี ผู้หญิงที่เป็นพนักงานบริการ ผู้หญิงที่มีสถานะไร้สัญชาติ ผู้หญิงสูงอายุ เด็กและเยาวชนหญิง ผู้หญิงชนบทในภาคเกษตร ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมและที่ยุติการตั้งครรภ์ ผู้หญิงพิการ เฟมมินิสต์ ผู้หญิงที่ต่อสู้เรื่องประชาธิปไตย และ ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชน สิทธิในที่ดิน สิทธิในการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม และเครือข่าย พันธมิตรทั้งหลายที่ลุกขึ้นมาสนับสนุนสิทธิและเสรีภาพของผู้หญิง รวมถึงความเป็นธรรมทางเพศ


เราเห็นความสำคัญของการรณรงค์ให้สังคมตระหนักและเข้ามามีส่วนร่วมในการส่งเสริมและปกป้องสิทธิและเสรีภาพของ ผู้หญิง เราจึงขอเชิญชวนทุกคนที่สนับสนุนสิทธิและเสรีภาพของผู้หญิง และข้อเรียกร้องของพวกเรา ให้ออกมาร่วม เดินขบวน ร้องเพลงและลุกขึ้นมาเต้นเพื่อเสรีภาพและความเป็นธรรม


เราออกมาแสดงพลังกันในวันที่ 8 มีนาคม 2566 เพื่อเฉลิมฉลองวันสตรีสากล การต่อสู้และความสำเร็จของผู้หญิงในทุกระดับ และแสดงให้สังคมรู้ว่า ผู้หญิงมีบทบาทสำคัญและคุณูปการต่อสังคม
จากการทำงานของเครือข่าย เราพบสถานการณ์การกีดกัน เลือกปฏิบัติ และการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้หญิงในหลาย รูปแบบ ซึ่งนี่เป็นความรุนแรงอันมีรากฐานมาจากเพศภาวะ และเป็นความรุนแรงเชิงโครงสร้าง อาทิ
ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนเผชิญกับการถูกใช้กฎหมายฟ้องเพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพและการมีส่วนร่วมในประเด็นสาธารณะ (Strategic Lawsuits Against Public Participation : SLAPP) การข่มขู่ การคุกคามทางเพศ การถูกดูหมิ่น เหยียดหยามและลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเป็นระบบ


ผู้หญิงชนเผ่าพื้นเมืองถูกละเมิดสิทธิที่ดิน สิทธิชุมชน และสิทธิในการเข้าถึงทรัพยากร เยาวชน ชนเผ่าพื้นเมืองเสี่ยงที่จะ ถูกการบังคับแต่งงาน ผู้หญิงชนเผ่าพื้นเมืองที่ไม่มีสัญชาติ เข้าไม่ถึงสิทธิพลเมืองและการไม่มีสิทธิทางการเมือง เช่น ไม่สามารถเลือกตั้งได้


ผู้หญิงพิการเข้าไม่ถึงการขยายโอกาสทางการศึกษาในระดับสูงกว่าปริญญาตรี หรือเข้าไม่ถึงการจัดตั้งกองทุนพิเศษเพื่อการศึกษาแก่คนพิการในระดับสูงตามความต้องการ และเข้าไม่ถึงโอกาสในการทำงานตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและ พัฒนาคุณภาพชีวิต พ.ศ.2550 นอกจากนี้ ยังเข้าไม่ถึงเบี้ยความพิการแบบถ้วนหน้า 1,000 บาทอย่างเท่าเทียมอีกด้วย


หญิงรักหญิง หญิงรักสองเพศ และหญิงข้ามเพศถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งรสนิยมทางเพศ อัตลักษณ์และการแสงออก ทางเพศ และลักษณะทางเพศสรีระ (SOGIESC) ซึ่งนำไปสู่การถูกเลือกปฏิบัติในการจ้างงาน การถูกกลั่นแกล้งในสถานศึกษา การถูกบังคับแต่งกายตามเพศกำเนิด การเข้าไม่ถึงสิทธิในการแต่งงานเท่าเทียม การเข้าไม่ถึงกฎหมายเปลี่ยน


คำนำหน้าให้สอดคล้องกับเพศสภาพ การถูกข่มขืนถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อเปลี่ยนแปลงรสนิยมทางเพศในผู้หญิงที่มีความ หลากหลายทางเพศ
ผู้หญิงแรงงานข้ามชาติไม่ได้รับค่าจ้างและสวัสดิการทางสังคมที่เป็นธรรม ไม่ได้รับสิทธิที่เท่าเทียมกับแรงงานไทย เข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสารเพราะขาดการแปล ไม่มีสถานที่พักพิงที่ปลอดภัย เมื่อถูกกระทำความรุนแรงหรือจำเป็นต้องพักรักษาตัว รวมถึงลูกของแรงงานข้ามชาติเอง ก็ยังเข้าไม่ถึงโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม


ผู้หญิงพนักงานบริการถูกตีตราทางสังคม และถูกทำให้เป็นอาชญากรบนฐานของการทำงาน และเผชิญกับการถูกเลือก ปฏิบัติและความรุนแรงโดยการใช้กฎหมายของรัฐ โดยเฉพาะ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539
ผู้หญิงจำนวนมากยังเข้าไม่ถึงการยุติการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัย แม้กฎหมายทำแท้งจะถูกแก้ไขแล้ว และผู้หญิงทุกอัต ลักษณ์ชายขอบ ทุกช่วงวัย รวมถึงผู้หญิงสูงอายุ ผู้หญิงที่อยู่ร่วมกับ HIV เผชิญกับการเข้าไม่ถึงสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์และ เข้าไม่ถึงการให้บริการส่งเสริมสุขภาพ ที่ไม่เลือกปฏิบัติ


ผู้หญิงยังเข้าไม่ถึงกระบวนการยุติธรรม เมื่อเผชิญกับความรุนแรงในครอบครัว เมื่อถูกข่มขืน คุกคามทางเพศและเมื่อถูก คุกคามในพื้นที่ออนไลน์และอินเตอร์เน็ต
ในภาวะฉุกเฉินและภาวะวิกฤต เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ ค่า PM 2.5 สูงเกินมาตรฐาน และการระบาดของ ไวรัสโคโรน่า (COVID-19) รวมถึงภาวะการสู้รบสงคราม ผู้หญิงเผชิญภาวะฉุกเฉินและภาวะวิกฤตเหล่านั้น ไปพร้อมกับ เผชิญกับความรุนแรง ความไม่เป็นธรรมทางเพศอย่างซับซ้อน แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหา และการผลักดันเชิง นโยบาย ผู้หญิงยังไม่ถูกมองเห็นและขาดการมีส่วนร่วม


ประเด็นปัญหาของผู้หญิงเหล่านี้มีรากฐานมาจากระบบอำนาจนิยม ทุนนิยมเสรีนิยมใหม่ ระบบวิธีคิดแบบชายเป็นใหญ่ และแนวคิดสุดโต่ง (Fundamentalism) ซึ่งถูกหล่อหลอมและปลูกฝังผ่านการทำงานของกลไกของสถาบันต่างๆ เช่น ศาสนา ครอบครัว การศึกษา การเมือง ฯลฯ ซึ่งส่งผลต่อความรู้สึกมั่นคง ความปลอดภัยในชีวิต และเสรีภาพของผู้หญิง ทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกอัตลักษณ์ โดยเฉพาะ ผู้หญิงที่มีอัตลักษณ์ชายขอบ
จากสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของผู้หญิงดังกล่าวข้างต้น เราขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนของสังคมมาร่วมกันสนับสนุน ข้อเรียกร้องของเรา ดังต่อไปนี้


1. สนับสนุนการเข้าถึงทรัพยากร อำนาจ และโอกาสทางสังคมอย่างเป็นธรรมให้กับผู้หญิงทุกกลุ่ม


2. เสริมสร้างศักยภาพให้กับผู้หญิงในทุกระดับ เพื่อให้ผู้หญิงเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ที่มีฐานคิดเรื่องสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียมยุติธรรมทางเพศ เพื่อสร้างขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมที่ยั่งยืน


3. สนับสนุนการมีส่วนร่วมทางสังคมและการเมืองของผู้หญิงในทุกระดับ รวมถึงการมีส่วนร่วมการแก้ไขปัญหา การ เปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ ค่า PM 2.5 สูงเกินมาตรฐาน และการฟื้นฟูประเทศหลังการระบาดของไวรัสโคโรน่า รวมถึงภาวะการสู้รบสงคราม


4. ร่วมกันสร้างขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อความเท่าเทียมยุติธรรมทางเพศและทางสังคม อย่างเชื่อมโยงทุกประเด็นปัญหา ตั้งแต่ระดับชุมชน ประเทศ ไปจนถึงระดับภูมิภาคและนานาชาติ


5. ส่งเสริมบทบาทของสื่อ ในการสร้างการสื่อสารมิติสิทธิมนุษยชนของผู้หญิงและผู้หญิงที่มีความหลากหลายทางเพศ อย่างรอบด้าน โดยต้องยุติการตีตราและการผลิตซ้ำภาพเหมารวมต่อผู้หญิงและผู้หญิงที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่นำไปสู่การเลือกปฏิบัติบนพื้นฐานเพศภาวะและอัตลักษณ์ที่ซับซ้อน เพื่อส่งเสริมให้สังคมเข้าใจสภาพปัญหาและเห็น ความเข้มแข็งของผู้หญิงและเข้ามามีส่วนร่วมกันรื้อถอนมายาคติและอคติทางเพศทั้งในระดับปัจเจกและในเชิงสถาบันทางสังคม


6. ผลักดันการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายและกฎหมาย ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยและส่งเสริมการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงส่งเสริมการแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนผู้หญิง ด้วยกลไกสิทธิมนุษยชนต่างๆ เช่น อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีทุกรูปแบบ (CEDAW) ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (UDHR) อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ (CRPD) ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง (UN DRIP) แผนปฏิบัติการปักกิ่ง (Beijing+25) กระบวนการ UPR (Universal Periodic Review: UPR) เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) หลักการยอกยาการ์ตา +10 (The Yogyakarta principles +10) และอื่น ๆ ที่รัฐบาลไทยได้ลงนามและที่ยังไม่ได้ลงนามให้ความร่วมมือต่อภาคีระหว่างประเทศ


7. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมและชุมชน ต่อกระบวนการติดตาม ตรวจสอบ และแก้ไขให้รัฐบาลไทยนำหลักการสิทธิมนุษยชนและมุมมองด้านเพศภาวะมาใช้อย่างจริงจัง โปร่งใสและตรวจสอบได้ เพื่อส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ของผู้หญิงและผู้หญิงที่มีความหลากหลายทางเพศ และความเท่าเทียมทางเพศ ยุติความรุนแรงทุกรูปแบบต่อผู้หญิงและ เด็กผู้หญิง เพื่อนำไปสู่การอยู่ร่วมกันบนความหลากหลายอย่างสันติ เป็นธรรม และยั่งยืน
ในประวัติศาสตร์การต่อสู้ของผู้หญิงที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าขบวนการเคลื่อนไหวของผู้หญิงเป็นยุทธวิธีที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคม กฎหมายและนโยบาย วันสตรีสากลจึงไม่ใช่เพียงโอกาสให้ผู้หญิงมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองกัน แต่เป็นโอกาสให้ผู้หญิงลุกขึ้นเพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ และความเป็นธรรม สังคมและรัฐต้องมีความตระหนักว่าสิทธิของ ผู้หญิงทุกคน คือ สิทธิมนุษยชน