ผมกับเพื่อน เราเป็นชาติพันธุ์ปะล่องจากประเทศเมียนมาร์ เข้ามาทำงานในประเทศไทยกันหลายปีแล้ว โดยมาทำงานก่อสร้างในจังหวัดเชียงใหม่ ย้ายงานมาหลายที่ ช่วงต้นปี 2562 มีผู้รับเหมารายหนึ่ง ที่เป็นคนไทยใหญ่ มาชวนไปทำงานก่อสร้างด้วย บอกว่าจะให้ค่าจ้างรายวันสูง มีรถรับส่งตอนไปทำงาน และช่วยออกค่าที่พักให้บางส่วน ซึ่งเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ เนื่องจากเป้าหมายที่พวกเรามาทำงานที่ประเทศไทยก็เพราะอยากได้เงิน อยากมีรายได้ที่ดี ผมกับเพื่อนจำนวน 20 คน จึงได้ตัดสินใจไปทำงานกับเขา แรก ๆ ก็ดี เงินค่าจ้างออกตรงเวลา ช่วยจ่ายค่าที่พักให้บางส่วน ตามที่เขาบอกไว้ตั้งแต่แรก เมื่อต้นปี 2563 เริ่มมีปัญหา โดยค่าจ้างออกช้า และให้เบิกเงินค่าจ้างได้ทีละนิดที่ละหน่อย แต่เขาก็ให้พวกผมไปทำงานเหมือนเดิม และบอกว่า “ถ้าส่งงานเรียบร้อยแล้วจะจ่ายค่าจ้างให้”
ในที่สุดพวกผมเริ่มไม่มีเงินซื้อข้าวกินแล้ว เงินค่าจ้างก็ติดค้างกันหลายเดือน ไม่จ่ายค่าจ้างให้เลย ผมจึงได้ตัดสินใจไปถามที่บริษัทที่ผู้รับเหมารายนี้ไปรับงานมา ทางบริษัทก็บอกว่า “ได้จ่ายเงินให้กับผู้รับเหมาไปหมดแล้ว” กลายเป็นว่าผู้รับเหมาได้รับเงินมาแล้วแต่ไม่มาจ่ายพวกผม พวกผมเลยเริ่มหยุดงาน ไปบ้างไม่ไปบ้าง ขณะเดียวกับพวกผมพยายามไปขอเบิกเงินค่าจ้าง พยายามเจรจาแต่ผู้รับเหมารายนี้ก็ไม่ยอมจ่าย พวกผมไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้จะปรึกษาใคร งงไปหมด
ช่วงต้นเดือนเมษายน 2563 โควิด-19กำลังระบาดในเชียงใหม่ พวกเราลำบากมาก งานก็ไม่ได้ทำ ไปไหนก็ไม่ได้ ข้าวจะกินก็ไม่มี ในช่วงนี้เองมีคนที่มาสอนหนังสือให้เด็กๆในไชต์งานที่ผมทำงานอยู่ ได้แนะนำให้พวกผม โทรมาขอคำปรึกษาที่มูลนิธิแมพ พร้อมให้เบอร์โทรศัพท์มา ผมจึงตัดสินใจโทรมาปรึกษาทันที โดยเจ้าหน้าที่มูลนิธิแมพ ได้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสิทธิของพวกเรา และแนะนำให้พวกผมรวบรวมหลักฐาน เกี่ยวกับการทำงาน ของแต่ละคน ได้แก่จำนวนวัน เวลาที่ทำงานปกติ จำนวนวัน และเวลาทำงานล่วงเวลา จำนวนค่าจ้างที่จ้างจ่าย รวมแล้วเป็นจำนวนเงินเท่าไร หลักจากที่พวกผมรวบรวมหลักฐานทั้งหมดเท่าที่มีแล้วก็ได้นำไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิแมพและได้เข้าใจแล้ว จากนั้น เจ้าหน้าที่มูลนิธิแมพได้พาพวกผมไปยื่นคำร้องที่สำนักงานสวัสดิการคุ้มครองแรงงานจังหวัดเชียงใหม่
จากนั้นพนักงานตรวจแรงงานจังหวัดเชียงใหม่ได้สอบถามข้อมูลจากพวกเราและบันทึกคำร้องไว้ และพนักงานตรวจแรงงานได้เรียกตัวผู้รับเหมา และบริษัทที่จ้างผู้รับเหมารายนี้มาให้ปากคำด้วย สุดท้ายผู้รับเหมารายนี้ก็หนี ไม่มาเจรจา พนักงานตรวจแรงงานได้ออกคำสั่งให้ผู้รับเหมาและบริษัทอีก 2 แห่งที่จ้างผู้รับเหมารายนี้ร่วมกันจ่ายค่าจ้างค้างจ่ายให้กับพวกเราทั้ง 20 คน เป็นจำนวนเงิน 167,858.13 บาท ซึ่งผู้รับเหมารายนี้ได้หลบหนี และถูกพนักงานตรวจแรงงานแจ้งความดำเนินคดี แต่ทางบริษัททั้ง 2 แห่งที่จ้างผู้รับเหมารายนี้ได้ขอเจรจา และรับผิดชอบจ่ายเงินให้กับพวกเราเป็นจำนวนเงิน 120,000 บาท โดยพวกผมได้รับเงินเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2564
ขอฝากถึงพี่น้องแรงงานข้ามชาติทุกคน “ ถ้ามีผู้รับเหมาที่ไม่ใช่คนไทย เป็นแรงงานข้ามชาติเหมือนกัน มาจ้างคุณทำงาน อย่าไปทำครับ เพื่อความปลอดภัย เพราะตามกฎหมาย เค้าไม่สามารถเป็นผู้รับเหมาได้ครับ ถ้าเราไปทำงานกับเค้าเราก็มีความเสี่ยงทำงานผิดนายจ้าง และอาจเสี่ยงไม่ได้ค่าจ้างด้วยครับ และถ้าเพื่อน ๆ ที่ทำงานแล้วเจอปัญหาเหมือนพวกผม อย่าปล่อยให้เรื่องมันผ่านไปนะครับ ยังมีองค์กรที่พร้อมช่วยเหลือพี่น้องแรงงานที่เดือดร้อน สามารถโทรไปปรึกษา หรือเข้าไปขอความช่วยเหลือได้นะครับ สุดท้ายขอขอบคุณมูลนิธิแมพ ที่ให้ความช่วยเหลือทุกๆ อย่าง จนได้รับเงินค่าจ้างค้างจ่ายในจำนวนที่พวกเราพอใจ .. ขอบคุณครับ ”